ฝ้ายคำกลางป่าใหญ่
กลิ่นหอมดอกทิวาลอยตามสายลมเข้ามาหอมอบอวลภายในห้องนอนขนาดเล็กที่เรียบง่ายแต่น่าอยู่ของผมทุกเช้า
ผมพลิกตัวบนเตียงอย่างเกียจคร้าน เมื่อคืนนี้ผมฝันดีเชียวล่ะ คงเป็นเพราะเมื่อวานผมกับตานั่งดูทีวีรายการๆหนึ่งที่เสนอเนื้อหาเกี่ยวกับปัญหาและภัยพิบัติจากการทำลายสิ่งแวดล้อมและธรรมชาติที่เกิดขึ้นกับโลก
รายการนี้นำเสนอเนื้อหาที่สะดุดตาผมอย่างมาก
นั่นคือไม่ได้แสดงภาพวีดีโอบรรยายปัญหาสิ่งแวดล้อมและจบท้ายด้วยคุณค่าความสำคัญพร้อมทั้งวิธีการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมเหมือนรายการน่าเบื่อๆทั่วไป
พิธีกรรายการเป็นชายหนุ่มคนหนึ่ง เขาเสนอแนวคิดเล่นๆว่า “
หากคุณเกิดเป็นต้นไม้ที่พูดไม่ได้ แสดงความเห็นใดๆไม่ได้เลย
และต้องทนมองใครมาทำลายเพื่อนๆหรือครอบครัวของคุณรวมถึงตัวคุณด้วยโดยคุณไม่สามารถทำอะไรได้
คุณจะรู้สึกอย่างไร” “ ถ้าวันหนึ่งคุณตื่นขึ้นมาและพบว่าโลกของคุณไม่มีธรรมชาติเช่นต้นไม้
ดอกไม้ น้ำตก อะไรต่างๆ โดยมีสิ่งที่สร้างขึ้นมาทดแทนพืชและอากาศที่บริสุทธิ์
คุณจะอยากอยู่ในโลกใบนั้นหรือไม่ ” คำถามเหล่านี้สะกิดจิตใต้สำนึกด้านสิ่งแวดล้อมของผมอย่างมาก
เหมือนคำถามเหล่านี้ไม่ได้ถูกตั้งมาจากมนุษย์แต่มาจากต้นไม้จริงๆเลยทีเดียว
นั่นจึงเป็นเหตุผลให้ความฝันของผมออกแนวผจญภัยในโลกกว้างอย่างไรไม่รู้ ผมได้ยินเสียงตาเรียก
ผมจึงลุกขึ้น รีบวิ่งผ่านน้ำ กินข้าวเช้าแล้ววิ่งไปหาตาที่โรงเก็บรถไถ “ วันนี้เราจะไปเก็บหน่อไม้ในป่ากัน
กล้าจะได้เห็นว่าป่าเขาที่บ้านนอกเป็นอย่างไร ”
“ ครับตา ” หลังจากผ่านไปสามสิบนาที
เราเข้าไปลึกขึ้นเรื่อยๆ เพราะตาบอกว่าต้นไผ่ใหญ่อยู่กลางป่า
ข้างทางเต็มไปด้วยต้นไม้บางอย่างที่ผมเคยอ่านเจอในหนังสือ “
ต้นไม้ในวรรณคดี ” เช่น กฤษณา พะยอม ประดู่ป่า สารภี มะสัง
เป็นต้น ปนกับต้นไม้อื่นๆ เช่น สัก หูกวาง ไผ่ และพืชป่าชนิดอื่นๆที่ผมไม่รู้จัก
สองสามนาทีต่อมาเราก็มาถึงที่หมาย
ซึ่งก็คือกอไผ่ยักษ์ที่ใหญ่ที่สุดเท่าที่ผมเคยเห็นมา แต่ที่ผมประทับใจที่สุดไม่ใช่เพราะความยิ่งใหญ่ของมันหรอกนะ
แต่เป็นบรรยากาศที่เงียบสงบและสดชื่นของที่นี่ต่างหาก มัน…ไม่รู้สิ ผมรู้สึกเหมือนมันมีอะไรที่พิเศษรอผมอยู่ แต่บางทีผมอาจคิดไปเอง
ผมเห็นตากำลังขะมักเขม้นกับภารกิจตามหาหน่อไม้ ผมจึงตะโกนบอกว่าผมจะออกไปสำรวจพื้นที่รอบๆ
ตาก็ตะโกนตอบว่า อย่าไปไกลและระวังตัวด้วย
คุณคงไม่เห็นด้วยใช่ไหมครับที่ตาปล่อยให้เด็กน้อยอย่างผม(ซึ่งจริงๆก็ไม่น้อยแล้ว)ออกมาเดินสุ่มๆคนเดียว
วางใจเถอะครับ ผมสืบจากตามาแล้วว่าที่มีไม่มีสัตว์ที่ดุร้ายอยู่ ผมคิดไปเดินไป ฉับพลันผมก็รู้สึกมีอะไรไหวๆ
จึงหันควับไปดู ต้นฝ้ายคำซึ่งออกดอกสีเหลืองงามตาช่างดูน่าอัศจรรย์ใจอย่างยิ่ง
แปลกจังที่ผมพึ่งสังเกตเห็น เหมือนโดนมนต์สะกดผมเอามือไปแตะที่กลางลำต้น สายลมบริสุทธิ์หอบหนึ่งพัดมาหาผม
ทิวา…กลิ่นดอกทิวาข้างหน้าต่างผมนั่นเอง ช่างน่าหลงใหลเสียจนผมหลับตาลง
และลงสู่ดินแดนแห่งใหม่ดินแดนที่ผมไม่เคยคาดหวังว่าจะได้เจอ “ ลืมตาเถิดท่านผู้กล้า” เสียงหญิงสาวคนหนึ่งพูด “เรารอท่านมานานเหลือเกิน ท่านจะเป็นผู้พิทักษ์คนใหม่ของเรา”
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น